บทความมรณานุสติ "ถามตัวเองในวัยเด็ก", "เริ่มมรณานุสติแบบไม่รู้ตัว" และประสบการณ์ตรงของคุณปรีดา ลิ้มนนทกุล

"ถามตัวเองในวัยเด็ก"

ประมาณสัก 11 ขวบน่าจะได้ ช่วงเย็นๆ หลังจากที่ทำการบ้านเสร็จ ผมมักมานั่งที่บันไดทางขึ้นชั้น 3 หน้าห้องนอนเล็กบริเวณชั้น 2 เป็นมุมส่วนตัวที่ชอบนั่งเพื่อหยุดคิดสารพัดเรื่อง เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า "เกิดมาทำไม" คำถามที่ตั้งมาถามตัวเอง เพื่อให้ตัวเองค้นหาคำตอบนั้น ไม่ได้มีนัยแห่งการตัดพ้อ หรือท้อแท้ กับชีวิตของตัวเอง แต่กลับเป็นคำถามที่ตัวเองรู้ดีว่า เราถูกกำหนดให้เกิดขึ้นมานั้นเพื่อทำอะไรบ้างสิ่งบางอย่าง เพื่อตอบแทนการกำเนิดมาบนโลกใบนี้ เพียงแต่ ณ ตอนนั้น ไม่สามารถที่จะตอบตัวเองได้ คงเพราะด้วยวัยเยาว์ น้อยประสบการณ์

แต่นับจากนั้น หากมีเวลา ก็จะถามตัวเองเป็นระยะๆ ส่วนตัวคิดว่า คำถามตัวเองว่า "เกิดมาทำไม" นี้มีอิทธิพลเป็นอย่างมากในการปรับวิธีคิดหลายๆ ด้าน ที่ในวัยเด็กต้องเผชิญ และสามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยดี ทำให้ตัวเองมีวิจารณญาณ มีมุมมองที่แตกต่าง นอกกรอบทางความคิดเป็นนิสัย หากเพียงท่านลองตั้งคำถามกับตัวเองบ้างว่า "เกิดมาทำไม" อาจเป็นจุดเริ่มต้น ของจุดเริ่มต้น หลายเรื่อง หลากหลาย ให้กับท่านอย่างไม่รู้จบได้นะครับ ท่านอาจได้คำตอบที่อาจไม่เคยคิดถึงก็ได้นะครับ

"เริ่มมรณานุสติแบบไม่รู้ตัว"

ผมมักที่จะปฏิบัติตนต่าง- สักเล็กน้อย ให้ความสำคัญกับการไปร่วมงานศพมากกว่า ไปงานแต่งงาน เพราะการแต่งงานนั้นอาจจัดใหม่ได้อีกครั้ง แต่งานศพไม่สามารถจัดครั้งที่ 2 ได้ ส่วนงานที่ลงมือทำ จะทำงานเอกสารเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ครบถ้วน เพราะคิดเสมอว่า ถ้าตัวผมเป็นอะไรไป เช่น อาจเจ็บป่วย หรือติดธุระสำคัญ ก็ยังสามารถฝากฝังงานที่ทำให้กับเพื่อนร่วมงานได้

ในตอนที่มีความรักเคยบอกกับคนรักว่า "รักนะ และจะพยายามทำทุกอย่างให้อย่างเต็มที่ หากไม่สามารถดูแลให้ได้ ต้องขอโทษ และขอให้รับรู้ว่าอยากดูแล อยากทำให้ แต่ทำให้ไม่ได้แล้ว" นี้คือประโยคที่พูดอย่างสม่ำเสมอตลอด 10 ปีที่คบหากันจนกระทั่งผมได้รับอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำจนกลายร่างเป็นคนพิการรุนแรงทุพพลภาพ

ประสบการณ์ตรงของนายปรีดา ลิ้มนนทกุล

ณ ห้องไอซียู ที่ผมเริ่มได้สติ คำถามแรกคือ ผมชนใครรึเปล่า มีคู่กรณีไหม เมื่อทราบว่าไม่มีคู่กรณี บอกกับตัวเองเลยว่า "Perfect" ช่างสมบูรณ์แบบ เพราะผมไม่อยากให้ใครต้องมาบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตเพราะผม

กับการบาดเจ็บหนักที่กระดูกคอหักไปกดทับไขสันหลังนั้น เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างกระทันหัน แต่ไม่ห่วงเรื่องงานสักเท่าไหร่ เพราะได้เตรียมการไว้แล้ว สามารถถ่ายทอดงานให้กับพี่ในที่ทำงานได้ทันที ส่วนงานที่จะสร้างรายได้ให้ตัวเองนั้นก็ได้เตรียมการไว้บางส่วนแล้วเช่นกัน ผมคิดว่าการการเตรียมตัว เตรียมการ ที่เริ่มจากแนวคิดว่า ถ้าตัวเองไม่อยู่ งานต้องเดิน หลังความพิการนั้นมากกว่างาน ระยะสั้นต้องวางแผนกับตัวเองอย่างน้อย 3-5 วันในบางกิจกรรม เวลาจะคิดทำอะไรต้องพิจารณามากกว่าเดิมอย่างมากเนื่องจากหากพลาด จะไปรบกวนคนอื่นเพราะตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

เหล่านี้ถูกปฏิบัติซ้ำๆ มาเป็น 10 ปี เห็นผู้คนมากมายที่เมื่อเสียชีวิตแล้ว อาจไม่ได้เตรียมตัวอะไร ทิ้งภาระไว้ให้คนข้างหลัง จึงอยากเผยแพร่ "มาณานุสติ" หวังลึกๆ ว่า หากผู้คนในสังคมมีธรรมะนี้แล้ว สังคมไทยจะเลิกทะเลาะกัน แย่งอำนาจกัน ผมคิดว่าวันนี้กับโลกใบนี้มันมากไปแล้วทั่วโลก สิ่งแวดล้อมโดนทำลาย อาหารขาดแคลน การเมืองทั่วโลกปั่นป่วน โลกเรียกร้องความชอบธรรม

ธรรมะดีๆ คำสอนดีๆ คติดีๆ บทเรียนและประสบการณ์ที่ดีๆ ที่จะเตือนสติ หรือสอนผู้คนนั้นมีมากมาย อาจจะมากเสียจน คนธรรมดาคนหนึ่งที่อาจจะไม่เป็นตัวของตัวเองมากนัก อ่อนไหวไปกับกระแสสังคมอย่างง่ายดาย หากแต่ถ้าเพียงยึดหลักธรรมะ หรือคำสอนดีๆ ขึ้นมาสักข้อหนึ่ง แล้วปฏิบัติ คงดีกับสังคม ประเทศ และโลกใบนี้ ซึ่งในทรรศนะของผมคือ "มรณานุสติ" ครับ

เกี่ยวกับกาตายนั้น ผมให้ความสำคัญกับการไปงานพิธีกรรมเฉพาะสวดอภิธรรม และกงเต๊ก ตามธรรมเนียมจีนเท่านั้น โดยเฉพาะกับ อากง (คุณตา) อาม่า (คุณยาย) คุณยายสมศรี และอีกมากมายหลายท่าน ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจว่าท่านเสียชีวิต หากแต่มีหลากหลายอารมณ์ต่อแต่ละท่านแทน เช่น กับอากง ผมรู้สึกว่าลูกๆ ท่านไม่ทำตามที่ท่านต้องการในการพากลับมาเสียชีวิตที่บ้าน แต่ให้พยายามถึงที่สุดที่โรงพยาบาล กับอาม่า ซึ่งตอนนั้นท่านอายุ 96 ปี ด้วยร่างกายที่ท่านหมดลมหายใจที่โรงพยาบาลด้วยอาการอวัยวะภายในไม่ทำงานแล้ว ผมกลับรู้สึกดีกับการเสียชีวิตของท่าน เนื่องจากร่างกายของอาม่าเสื่อมแทบทุกจุด เป็นต้น

ส่วนตัวมีความรู้สึก อาจเป็นสัญชาตญาณก็ว่าได้ ที่คิดว่าตัวเองจะหมดอายุไขในเร็ววันนี้ ออกแบบงานศพของตัวเองไว้บ้างแล้ว และกำลังดำเนินการเตรียมการอยู่ สามารถอ่านได้ที่ http://plantopassaway.blogspot.com/ บอกกับตัวเองตลอดว่า จะไม่ยอมแก่ แค่พิการรุนแรงนี่ก็พอแล้ว ถ้าบวกกับอายุมากเข้าไปด้วยสงสัยว่าจะยิ่งไปกันใหญ่

แต่ทั้งหลายทั้งปวงคือ อยากให้ผู้อ่านมี "มรณานุสติ" เป็นที่ตั้ง แล้วท่านจะพบว่า ท่านจะทำอะไร เพื่ออะไร อย่างไร กับใคร กับสังคม กับโลก ใบนี้นะครับ

ขอบคุณครับ